คปภ.แถลงผลสำเร็จโครงการ`ปราจีนยืนหนึ่ง`ชูโมเดลพื้นที่ต้นแบบลดอุบัติเหตุ ดันประกันภัยรถภาคบังคับเข้าถึงทุกครัวเรือน เดินหน้าต่อยอดสู่จังหวัดอื่น ขับเคลื่อนเป้าหมายความปลอดภัยระดับประเทศ

Category: ประกัน
Published on Monday, 01 December 2025 09:04
Hits: 215

ปราจีนยืนหนึ่งคปภ.แถลงผลสำเร็จโครงการ`ปราจีนยืนหนึ่ง`ชูโมเดลพื้นที่ต้นแบบลดอุบัติเหตุ ดันประกันภัยรถภาคบังคับเข้าถึงทุกครัวเรือน เดินหน้าต่อยอดสู่จังหวัดอื่น ขับเคลื่อนเป้าหมายความปลอดภัยระดับประเทศ
    สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (สำนักงาน คปภ.)นำโดย นายชูฉัตร ประมูลผล เลขาธิการ คปภ. ร่วมกับจังหวัดปราจีนบุรี ภาคธุรกิจประกันภัย และสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) จัดงานแถลงข่าวผลสำเร็จ`ปราจีนยืนหนึ่ง สรุปและต่อยอดถนนปลอดภัย…`จากผลสำเร็จ...สู่การ ต่อยอดถนนปลอดภัย ด้วยพลังประกันภัยรถภาคบังคับ`ณ วิทยาลัยเทคนิคปราจีนบุรี เพื่อนำเสนอผลการดำเนินงานตลอดปี 2568 ตั้งแต่การเก็บข้อมูลเชิงลึก การวิเคราะห์ปัจจัยเสี่ยงทางถนน การออกแบบมาตรการลดอุบัติเหตุ
ตลอดจนการรณรงค์ ด้านความปลอดภัยและการส่งเสริมการทำประกันภัยรถภาคบังคับ (พ.ร.บ.) เพื่อเตรียมขยายผลไปยังจังหวัดอื่นต่อไป
      เลขาธิการ คปภ. ได้แถลงผลความสำเร็จโครงการสร้างพื้นที่ต้นแบบด้านความปลอดภัยทางถนนและการรณรงค์ประกันภัยรถภาคบังคับ ประจำปี 2568 ชี้มาตรการเชิงรุกช่วยลดอุบัติเหตุทางถนน โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ขับขี่จักรยานยนต์ ขณะเดียวกันประชาชน เยาวชน และแรงงาน มีความตื่นตัวเรื่องความปลอดภัยและการทำประกันภัยรถภาคบังคับ (พ.ร.บ.) มากขึ้น สะท้อนพลัง ความร่วมมือจากภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วน ที่ร่วมผลักดันให้จังหวัดปราจีนบุรีก้าวสู่`พื้นที่ต้นแบบถนนปลอดภัย`และต่อยอดสู่เป้าหมายระดับประเทศ
    โดยชูผลสำเร็จ`4 กลยุทธ์ 7 มาตรการ`ลดอุบัติเหตุได้จริง โดยได้กล่าวถึงผลสำเร็จของโครงการที่เป็นไปตามเจตนารมณ์ของสำนักงาน คปภ. ที่ต้องการให้ระบบประกันภัยทำหน้าที่เป็น`กลไกสำคัญของการคุ้มครองประชาชน`การขยายความคุ้มครองของประกันภัยรถภาคบังคับให้เข้าถึงทุกครัวเรือนอย่างเท่าเทียม โครงการพื้นที่ต้นแบบจังหวัดปราจีนบุรีนับเป็นตัวอย่างสำคัญของการบูรณาการทุกภาคส่วน จนเกิดผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม
    ทั้งการลดพฤติกรรมเสี่ยงและการเพิ่มอัตราการทำประกันภัยรถภาคบังคับในกลุ่มเยาวชน แรงงาน และผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ ซึ่งเป็นกลุ่มเสี่ยงหลักของจังหวัด ความร่วมมือในครั้งนี้ทำให้จังหวัดปราจีนบุรีก้าวเป็นพื้นที่ต้นแบบถนนปลอดภัยและประชาชนให้ความสำคัญกับการทำประกันภัยรถภาคบังคับ เพื่อลดความสูญเสียของประชาชนอย่างยั่งยืน ซึ่งจะเป็นแนวทางสำคัญสำหรับการขยายผลไปยังพื้นที่จังหวัดอื่น ๆ ต่อไป    
      “สำนักงาน คปภ. มีความตั้งใจแน่วแน่ที่จะนำโมเดลมาตรฐาน ที่ได้ผลจริงในพื้นที่ต้นแบบแห่งนี้ ไปขยายผลสู่จังหวัดอื่น ทั่วประเทศ และพร้อมสนับสนุนองค์ความรู้และการพัฒนาเครื่องมือเพื่อไปสู่เป้าหมายสูงสุดของเรา คือ การลดอัตราการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนของประเทศให้เหลือ 12 คนต่อประชากรแสนคนภายในปี 2570 และทำให้ระบบประกันภัยรถภาคบังคับ ทำหน้าที่เป็นหลักประกันของทุกคนอย่างแท้จริง”
   ด้านนายวีระพันธ์ ดีอ่อน ผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี กล่าวถึงความร่วมมือภายในจังหวัดว่า ความสำเร็จครั้งนี้เกิดจากพลังของทุกภาคส่วน ทั้งหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน สถานประกอบการ สถานศึกษา และประชาชนในพื้นที่ พร้อมแสดงวิสัยทัศน์ว่า`จังหวัดปราจีนบุรีต้องก้าวสู่เมืองต้นแบบถนนปลอดภัยอย่างยั่งยืนในปี 2569–2570 และเป็นจังหวัดนำร่องให้พื้นที่อื่นสามารถนำแนวทางไปประยุกต์ใช้ได้จริง`
     จากนั้น เลขาธิการ คปภ. และ ผู้ว่าราชการจังหวัดได้ร่วมมอบเกียรติบัตรแก่สถานศึกษาและนิคมอุตสาหกรรมที่มีบทบาทในการขับเคลื่อนโครงการ
ด้าน ดร.สุเมธ องกิตติกุล ผู้อำนวยการวิจัยด้านนโยบายการขนส่งและโลจิสติกส์ TDRI สรุปผลว่าตลอด 5 เดือนของการดำเนินโครงการ ได้กำหนดกลยุทธ์และชุดมาตรการลดเสี่ยงสำหรับลดอุบัติเหตุทางถนนใน จังหวัดปราจีนบุรี ได้ทดลองรณรงค์สื่อสารและทำแผนแก้ไขปัจจัยเสี่ยง จนนำมาสู่ข้อเสนอนนโยบายสาธารณะและแผนใน 2 ปีถัดไป พร้อมข้อเสนอแนวทางความร่วมมือระหว่างภาคส่วนรวมทั้งภาคธุรกิจประกันภัย เพื่อขยายผลสำเร็จในจังหวัดอื่นๆ ได้อีกทั่วประเทศ และได้กล่าวถึงผลลัพธ์ `4 กลยุทธ์ 7 มาตรการ`ว่า เกิดจากการวิจัยและลงพื้นที่ต่อเนื่องร่วมกับสำนักงาน คปภ. โดยได้ดำเนินการในปี 2568 แล้ว 3 มาตรการ ได้แก่
     1. มาตรการสื่อสารสาธารณะเกี่ยวกับความปลอดภัยทางถนนใน 3 อำเภอนำร่อง ได้แก่ เมืองปราจีนบุรี ศรีมหาโพธิ และกบินทร์บุรี ทำให้ประชาชนจำข้อความ`สวมหมวกนิรภัยทุกครั้งเมื่อใช้รถจักรยานยนต์`ได้ถึงร้อยละ 81 และบางส่วนตอบรับว่ามีผลต่อการเปลี่ยนพฤติกรรม
     2. มาตรการสร้างโรงเรียนต้นแบบความปลอดภัยทางถนน โดยคัดเลือก 5 สถานศึกษา และจัดกิจกรรม Road Safety Week ให้นักเรียนกว่า 500 คน โดย เยาวชนมีความรู้และความเข้าใจเรื่องความปลอดภัยทางถนน เพิ่มขึ้นจาก 84% เป็น 94% และมีผู้เข้าร่วมทำ พ.ร.บ. เพิ่มขึ้นถึง 39% รวมถึงใส่หมวกนิรภัยเพิ่มขึ้นอีก 12% 
    3. มาตรการสถานประกอบการใส่ใจความปลอดภัยในนิคมอุตสาหกรรม 304 ด้วยการจัดอบรม Road Safety Dayให้สถานประกอบการกว่า 70 แห่ง และทำให้ แรงงานในสวนอุตสาหกรรม 304 เข้าถึงการทำประกันภัยรถภาคบังคับมากขึ้น
     ซึ่งการดำเนินมาตรการทั้ง 3 มีเป้าหมายลดความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินลงอย่างเป็นรูปธรรม ลดภาระค่ารักษาพยาบาลฉุกเฉิน ลดการสูญเสียกำลังแรงงานซึ่งเป็นฐานสำคัญของเศรษฐกิจ และลดความเสียหายเชิงสังคมในระยะยาว ต่อจากนี้ยังมีอีก 4 มาตรการสำหรับการวางรากฐานในปี 2569 - 2570 ที่ภาคีเครือข่ายต้องร่วมเดินหน้าต่อ เพื่อเพิ่มอัตราการสวมหมวกนิรภัย เพิ่มทักษะขับขี่ การทำใบขับขี่ในกลุ่มเยาวชน การชะลอความเร็ว ลดพฤติกรรมเสี่ยงและการทำประกันภัย ภาคบังคับอย่างครอบคลุมยิ่งขึ้น
     อย่างไรก็ตาม เพื่อให้ผลลัพธ์เกิดขึ้นอย่างยั่งยืนในระยะยาว ในด้านข้อเสนอเชิงนโยบาย ดร.สุเมธ องกิตติกุล เสนอให้มีการบรรจุโครงการฯ เข้ากับนโยบายและยุทธศาสตร์ความปลอดภัยทางถนน จังหวัดปราจีนบุรี สร้างเครือข่ายความร่วมมือรัฐ-เอกชนต่อเนื่อง ใช้กลไกกองทุนทดแทนฯในการสนับสนุนการป้องกันอุบัติเหตุ และพัฒนาระบบข้อมูลและนวัตกรรมเพื่อร่วมกันแก้ปัญห
     ขณะที่ภาคธุรกิจประกันภัยจะมีบทบาทสำคัญในการขยายผลสู่ระดับประเทศ โดยการสนับสนุนงบประมาณและอุปกรณ์ เพื่อความปลอดภัยทางถนน สื่อสารและรณรงค์ในพื้นที่และร่วมเป็นเครือข่ายผู้ดำเนินการ ซึ่งผลลัพธ์ในที่เกิดขึ้นจากโครงการนี้ สะท้อนว่า ภาคธุรกิจประกันภัย ไม่เพียงแต่รับผิดชอบดูแลในส่วนของการประกันภัยหลังเกิดเหตุเท่านั้น แต่ยังสร้างกลไกสำคัญคุ้มครองประชาชนด้วยการป้องกันและรณรงค์ลดอุบัติเหตุได้อย่างเป็นรูปธรรมอีกด้วย

 

Click Donate Support Web 

SME720x100 2024EXIM One 720x90 C JPTG 720x100Banner GPF720x100 PXTOA 720x100

CKPower 720x100

QIC 720x100วิริยะ 720x100aia 720 x100BKI 720 x 100MTI 720x100MTL 720x100ธกส 720x100ใจฟู720x100px